Loading...
“ดาบเฉลิม” ผบ.หมู่งาน ป.สน.ลุมพินี เปิดปากสารภาพบันดาลโทสะ ตัวเล็กกว่าสู้ไม่ไหวเลยไปเอาปืนมายิงขู่ ไม่เกี่ยวเรื่องแย่งผู้หญิง ระบุซัดจังๆ ไป 2 นัด จนผู้ตายร่วงกับพื้นไม่คิดว่าจะเสียชีวิต
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 12 ธ.ค.61 ร.ต.อ.ภาสกร กันจู รองสว.(สอบสวน) สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุชายชาวต่างชาติ ถูกยิงเสียชีวิตภายใน อาคารเดอะเทรนดี้ เลขที่ 10 ซอยสุขุมวิท 13 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชา รุดไปตรวจสอบพร้อมพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. พล.ต.ต.มงคล วรุณโณ ผบก.น.5 พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.ทท.1 พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พลูสวัสดิ์ รองผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อัครวุฒ ธานีรัตน์ ผกก.สน.ลุมพินี และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน บช.น. ฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นอาคาร สูง 29 ชั้น ลักษณะเป็นสำนักงานแบ่งให้เช่าและส่วนที่พัก บริเวณชั้นล่าง หน้าร้านขายโดนัท พบศพ นายมาริก จาเมล ไอ คากิ (MR.Malik Djamel Ait Kaki) อายุ 41 ปี สัญชาติฝรั่งเศส สวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีเลือดหมู ใส่รองเท้าผ้าใบสีดำ สภาพนอนหงายจมกองเลือด มีบาดแผลถูกยิง รวม 2 นัด ที่ต้นแขนซ้าย 1 นัด กระสุนทะลุปอด ตัดขั้วหัวใจ และสะโพกขวา 1 นัด ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนตกอยู่จำนวน 2 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลเกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ ทราบชื่อผู้ก่อเหตุภายหลัง คือ ด.ต.กันตพงษ์ ฮวดศรี หรือ ดาบเฉลิม อายุ 49 ปี ผบ.หมู่งาน ป.สน.ลุมพินี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงติดตามจับกุมที่ห้องพัก ในแฟลตตำรวจส่วนกลางใน สน.ลุมพินี
จากการสอบสวน น.ส.จวัญจิรา นุทธไกร อายุ 32 ปี เพื่อนของผู้ตาย ให้การว่า ตนและผู้ตายไปนั่งดื่มกินที่ร้าน “ลักกี้ ซ๊อต” ภายในซอยสุขุมวิท 11/1 ก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทและชกต่อยกันภายในร้าน คนร้ายสู้ไม่ได้ จึงแยกย้ายกัน ต่อมาระหว่างที่ผู้ตายกลับมายังห้องพักภายในตึกดังกล่าว คนร้ายตามมาทัน ก่อนใช้อาวุธปืนที่เตรียมมายิงผู้ตายเสียชีวิต และหลบหนีไป
ต่อมาเวลา 12.00 น. พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ เดินทางมาที่ สน.ลุมพินี เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ ด.ต.กันตพงษ์ ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง โดยเกิดจากบันดาลโทสะ โดยขั้นตอนของการดำเนินคดีจะต้องทำตามระเบียบ ซึ่งด.ต.กันตพงษ์ มีคำสั่งให้ออกจากราชการ จะให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นชาวต่างชาติ โดยตนสั่งการให้ประสานงานกับทางสถานทูตและรายงานเหตุการณ์ให้ทางสถานทูตเป็นระยะ ส่วนคดีเก่าเมื่อปี 2555 ด.ต.กันตพงษ์ ยิงคนขับแท็กซี่เสียนั้น ได้รับรายงานว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่และป้องกันตัวเนื่องจากรถแท็กซี่คันดังกล่าวเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติด ระหว่างการจับกุมพยายามขับรถชน ด.ต.กันตพงษ์ จึงยิงสกัดเพื่อป้องกันตัว และถูกคนร้ายไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ทางต้นสังกัดมีการตั้งกรรมการสอบสวนแจ้งข้อหาไป จนสิ้นสุดกระบวนการไปแล้ว แจ้งข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" และ "พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร"
รายงานข่าวแจ้งว่า ด.ต.กันตพงษ์ และผู้ตายรู้จักกันมาประมาณเกือบ 1 ปี โดยผู้ตายชอบเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย และชอบมาเที่ยวแถวนี้ ซึ่งทั้งคู่เคยนั่งดื่มด้วยกันโดยก่อนเกิดเหตุ ด.ต.กันตพงษ์ เดินทางไปที่ร้านอาหารดังกล่าวตามปกติ ระหว่างนั้นมีหญิงไทยเป็นแฟนของผู้ตาย เดินมาปรึกษากับ ด.ต.กันตพงษ์ เรื่องจะขอเลิกกับผู้ตาย เนื่องจากทนพฤติกรรมความเจ้าชู้ของผู้ตายไม่ไหว และจับได้ว่ามีผู้หญิงคนใหม่ ระหว่างนั้น ผู้ตายที่นั่งอยู่ในร้านเห็นจึงลุกจากโต๊ะโดยยังมีแฟนคนที่สอง อยู่ด้วย ก่อนที่ผู้ตายจะเข้ามาคุยและเข้าใจผิดว่า เหตุผลที่หญิงไทยคนแรกเลิกกับผู้ตาย เพราะมีใจให้ ด.ต.กันตพงษ์ จึงเกิดความหึงหวงและทะเลาะชกต่อยกัน
ด้วยความที่ ด.ต.กันตพงษ์ อายุมากและรูปร่างเล็กกว่าจึงสู้ไม่ไหว ก่อนจะเอาปืนคืนที่ฝากไว้กับทางร้าน ยิงขู่ผู้ตาย 5 นัด แต่ผู้ตายก็ยังท้าทายและวิ่งหนีไป ด.ต.กันตพงษ์ จึงตามไป ระหว่างนั้น มีชาวบ้านรู้จักว่าเป็นตำรวจ คิดว่าติดตามจับคนร้ายจึงพา ด.ต.กันตพงษ์ ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ จนไปถึงอาคารที่เกิดเหตุ เมื่อผู้ตายเห็นจึงพยายามวิ่งเข้ามา จึงยิงขู่ขึ้นฟ้า 1 นัด แต่ผู้ตายยังวิ่งเข้ามาอีก จึงยิงไป 2 นัด จนผู้ตายล้มลงนอนที่พื้นซึ่งไม่คิดว่าเสียชีวิต จากนั้นจึงกลับมานอนพักที่แฟลตตำรวจส่วนกลางใน สน.ลุมพินี
กระทั่งมีฝ่ายสืบสวนติดตามมาจับกุม พร้อมยึดของกลางเป็นปืนออโตเมติก 1 กระบอก และกระสุน 1 นัดค้างในรังเพลิง จึงยึดไว้เป็นของกลาง

ต่อเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เบื้องต้นด.ต.กันตพงษ์ ให้การรับสารภาพ และยอมจำนนต่อหลักฐาน พร้อมนำอาวุธปืนมามอบเป็นของกลางกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เรียบร้อยแล้ว
"ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่อยู่ในอาการเมาสุราจนมีเรื่องชกต่อยกัน จากนั้นผู้ต้องหาหยิบปืนตามมายิงใส่ผู้ตายเข้าบริเวณอก 2 นัดจนเสียชีวิตในภายหลัง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุเพียงลำพัง และเป็นเวลานอกราชการ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพยานหลักฐาน พร้อมกับได้ประสานไปยังสถานทูตฝรั่งเศสและทำความเข้าใจกับญาติผู้ตายตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว คดีนี้ไม่มีความซับซ้อน ส่วนความผิดทางวินัยนั้น บช.น. ได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้เรียบร้อยแล้ว ตามที่นโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ระบุให้บังคับใช้กฎหมายกับเจ้าหน้าที่ทุกนายอย่างเท่าเทียมกัน" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว
