Loading...
เอ็ม 4 คาร์ไบน์ (อังกฤษ: M4 carbine) เป็นอาวุธปืนเล็กยาวอัตโนมัติที่พัฒนามาจากปืนเล็กยาวจู่โจมเอ็ม 16 ซึ่งเป็นปืนในตระกูล เออาร์-15ที่ออกแบบโดยยูจีน สโตนเนอร์ให้แก่บริษัทอาร์มาไลท์ มีความยาวและน้ำหนักน้อยกว่าเอ็ม16 มีชิ้นส่วนกว่าร้อยละ 80 ที่ใช้งานร่วมกับปืนเอ็ม 16 เอ 2 ได้ เอ็ม4สามารถเลือกระบบการยิงได้แก่ กึ่งอัตโนมัติและการยิงทีละ 3 นัด (เหมือนเอ็ม16เอ2) ขณะที่เอ็ม4เอ1มี"ระบบอัตโนมัติ"แทนที่ระบบยิงทีละ 3 นัด
ประวัติความเป็นมา
เอ็ม4 เป็นปืนเล็กยาวอัตโนมัติที่พัฒนาจากปืนเล็กยาวอัตโนมัติ เอ็ม16 5.56x45 ม.ม. หน่วงลำเลื่อนด้วยแก๊ส ระบายความร้อนด้วยอากาศ ป้อนกระสุนทางแมกกาซีน สามารถปรับความยาวพานท้ายได้ โดยในช่วงแรกๆ จะผลิตเป็นพานท้ายปรับ 4 ระดับ ต่อมาจึงได้ผลิตพานท้ายปรับ 6 ระดับที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยต่อมาถึงปัจจุบัน
เอ็ม4นั้นเหมาะมือและสะดวกในการพกพามากกว่าปืนเล็กยาวแบบอื่น เป็นที่นิยมใช้ในหน่วยรบพิเศษต่างๆ เช่น หน่วยจู่โจมทำลายใต้น้ำ (SEALs) นาวิกโยธิน หน่วยอากาศโยธิน มันยังถูกใช้โดยกรมทหารอากาศของออสเตรเลียอีกด้วย มาเลเซียได้สั่งซื้อเอ็ม4 คาร์บินเพื่อมาแทนที่สไตเออร์ เอยูจีในกองทัพเมื่อปี 2006 และถูกผลิตในมาเลเซียภายใต้ลิขสิทธิ์จากโคลท์ผ่านทางบริษัท SME ของมาเลเซีย อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ที่ปืนเอ็ม4 จะได้รับความสนใจจากตำรวจ, ยามชายฝั่งและผู้รักษากฎหมายอีกด้วย
เอ็ม4 ถูกพัฒนาและผลิตให้กับรัฐบาลของสหรัฐฯ โดยบริษัทโคลท์ ซึ่งได้รับคำสั่งการผลิตปืนเอ็ม4 จนถึงปี 2009 อย่างไรก็ตาม จะยังมีการผลิตอาวุธปืนที่พัฒนามาจาก เอ็ม4 และ เอ็ม16 ต่อไป เอ็ม4เอ1และเอ็ม16เอ4 ได้เข้ามาแทนที่ เอ็ม16เอ2 กองทัพอากาศสหรัฐฯ วางแผนที่จะทำการเปลี่ยนไปใช้เอ็ม4 คาร์บินอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากเอ็ม4นั้นมีความคล้ายคลึงกับเอ็ม16 มาก ทำให้ง่ายต่อการฝึกเปลี่ยนแบบ
รุ่นต่างๆ
กองทัพสหรัฐฯ ใช้เอ็ม4และเอ็ม4เอ1เป็นอาวุธประจำกายทหารร่วมกับปืนเอ็ม16 โดยทั่วไปแล้วเอ็ม4 จะมีด้ามจับพร้อมศูนย์เล็งเปิดในตัวติดบนรางพิคาทินนี่ มาพร้อมกับปืน (ซึ่งสามารถถอดด้ามจับดังกล่าวออกได้) ซึ่งในหน่วยรบพิเศษปืนเอ็ม4 นิยมเปลี่ยนด้ามจับเป็นอุปกรณ์ช่วยเล็งติดบนรางพิคาทินนี่ โดยส่วนมาแล้วจะเป็นเอ็ม68 ซีซีโอ ซึ่งเป็นกล้องเล็งในการต่อสู้ระยะใกล้ และมักจะติดด้ามจับ ต้นแบบคือแบบโคลท์920 (เอ็ม4) และ921 (เอ็ม4เอ1)เอ็ม4 นั้นนอกจากสายการผลิตโคลท์ในสหรัฐฯนั้น ยังมีการผลิตนอกสหรัฐฯโดยการซื้อสิทธิบัตรการผลิตจากโคลท์อีกด้วย เช่นในแคนาดา บริษัท ไดมาโก้ (ต่อมาเปลี่ยนเป็น โคลท์ แคนาดา) ผลิตเอ็ม4 ออกมาใช้ชื่อว่า ไดมาโก้ ซี8 หรือโคลท์ แคนาดา เป็นต้น
เอ็ม4/เอ็ม4เอ1
ในเอ็ม4 นั้นมีระบบเลือกการยิงเป็น "Safe-Semi-Burst" (เซฟ/กึ่งอัตโนมัติ/ยิงทีละ 3 นัด) ขณะที่เอ็ม4เอ1 มีระบบเลือกการยิงเป็น "Safe-Semi-Auto" (เซฟ/กึ่งอัตโนมัติ/อัตโนมัติ)
เอ็ม4 เอ็มดับเบิ้ลยูเอส (Modular Weapon System)
เอ็ม4 เอ็มดับบลิวเอส (Modular Weapon System) แสดงให้เห็นถึงอุปกรณ์เสริมมากมายที่รวมทั้งเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม203 ด้านจับส่วนหน้า (RIS) ศูนย์เล็ง/อุปกรณ์ช่วยเล็งที่หลากหลาย ระบบเลเซอร์เอเอ็น/พีเอคิว-4 ศูนย์เล็ง เอ็ม68 และกล้องมองกลางคืนเอเอ็น/พีวีเอส 4
โคลท์โมเดล 925คาร์บินถูกทดสอบด้วยบริษัทไนท์ อารมาเม้นท์ (Knight's Armament Corporation) เอ็ม4 อาร์เอเอสอยู่ใต้การออกแบบโดยมีชื่อว่าเอ็ม4อี2 แต่การออกแบบนี้พบว่ามีข้อตำหนิในเรื่องระบบอุปกรณ์ การเพิ่มส่วนของระบบอาร์เอเอส (Rail Accessory System) เข้าไปทำให้มันกลายเป็นเอ็ม4 เอ็มดับเบิ้ลยูเอส
เอ็ม4เอ1
ปืน M4A1
เอ็ม4เอ1คาร์บินเป็นรุ่นแบบอัตโมติที่มีต้นแบบมาจากเอ็ม4 คาร์บินซึ่งผลิตออกมาให้ใช้ในปฏิบัติการพิเศษ เอ็ม4เอ1ถูกใช้โดยหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่ เอ็ม4เอ1 คาร์บินเป็นที่นิยมในหน่วยต่อต้านผู้ก่อการร้ายและหน่วยปฏิบัติการพิเศษ สำหรับการรบระยะประชิด เนื่องมาจากความสามารถในการยิงระบบอัตโนมัติ (ยิงรัว) ได้ เอ็ม4จะมีระยะหวังผลน้อยกว่าเอ็ม16 แต่ทางหลายกองทัพคิดว่าการทำการยิงในระยะที่มากกว่า 300 เมตรนั้น ไม่ค่อยเกิดขึ้นมากนัก มันมีประสิทธิภาพมากในระยะ 150 เมตรหรือน้อยกว่า และมีระยะยิงไกลสุดที่ 500-600 เมตร
การออกแบบ
เอ็ม4/เอ็ม4เอ1 ขนาด 5.56 ม.ม.ทำงานด้วยระบบแก๊ส ระบายความร้อนด้วยอากาศ ใช้แมกกาซีน มีหลายการยิง เป็นมีพานท้ายปรับระดับได้ เป็นปืนเล็กยาวที่พัฒนามาจากเอ็ม16เอ2 ให้มีลำกล้องยาว 14.5 นิ้ว เอ็ม4 ทำให้ทหารสามารถทำการต่อสู้ได้ในพื้นที่คับแคบด้วยความแม่นยำและอำนาจการทำลายล้างสูง เอ็ม4 ดั้งเดิมนั้นมีระบบการยิงแบบกึ่งอัตโนมัติและยิงทีละสามนัด ในขณะที่เอ็ม4เอ1 มีระบบยิงแบบกึ่งอัตโนมัติและอัตโนมัติเท่านั้น เอ็ม4 มีความคล้ายคลึงกับเอ็ม16เอ2 80% และได้เข้ามาแทนที่ปืนกลมือเอ็ม 3 และปืนพกเอ็ม9 และปืนเล็กยาวเอ็ม16 ในหน่วยส่วนใหญ่ของกองทัพ เอ็ม4 ยังสามารถติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม203 ซึ่งเป็นเอ็ม203เอ1 ขนาดลำกล้อง 9 นิ้วแทนที่จะเป็น 12 นิ้วที่ใช้กับเอ็ม16
จุดเด่นของเอ็ม4 และเอ็ม4เอ1 เมื่อเทียบกับเอ็ม16 มีดังนี้
- ขนาดที่กระทัดรัดกว่า
- ลำกล้องขนาด 14.5 นิ้วที่สั้นกว่า
- พานท้ายปรับระดับได้
อุปกรณ์เสริม
เอ็ม16 เอ็ม4 คาร์บินและเอ็ม4เอ1 คาร์บินสามารถใช้อุปกรณ์ได้มากมาย เช่น กล้องมองกลางคืน เลเซอร์ชี้เป้า กล้องเล็งระยไกล เอ็ม203 หรือเอ็ม320 ปืนลูกซอง เอ็ม26 เป็นต้น อุปกรณ์อื่นนั้นยังรวมทั้งเอเอ็น/พีอีคิว-2 ที่เล็งแบบพิเศษ และเป้าเล็งแบบเอ็ม68 ที่อยู่ในชุดอัพเกรดของโซปมอด 2
ข้อมูลปืนโดยละเอียด
| เอ็ม4 คาร์บิน 5.56 ม.ม. M4 carbine | |
|---|---|
| ชนิด | ปืนเล็กสั้น |
| สัญชาติ | |
| บทบาท | |
| ประจำการ | พ.ศ. 2540 - ปัจจุบัน |
| สงคราม | สงครามอัฟกานิสถาน สงครามอิรักสงครามกลางเมืองโคลัมเบีย |
| ประวัติการผลิต | |
| บริษัทผู้ผลิต | โคลต์ดีเฟนซ์ |
| แบบอื่น | เอ็ม4เอ1 ซีคิวบีอาร์ |
| ข้อมูลจำเพาะ | |
| น้ำหนัก | 2.7 กิโลกรัม (น้ำหนักเปล่า) 3.1 กิโลกรัม (กระสุน 30 นัด) |
| ความยาว | 33 นิ้ว (ยืดพานท้าย) 29.8 นิ้ว (พับพานท้าย) |
| ความยาวลำกล้อง | 14.5 นิ้ว |
| กระสุน | 5.56x45 ม.ม.นาโต้ |
| การทำงาน | ระบบแก๊ส ลูกเลื่อนหมุนตัวขัดกลอน ปลดล็อกด้วยแรงดันก๊าซเป่าห้องลูกเลื่อนโดยตรง |
| อัตราการยิง | 700–950 นัดต่อนาที |
| ความเร็วปากกระบอก | 910 เมตรต่อวินาที |
| ระยะหวังผล | 500 เมตร |
| ระบบป้อนกระสุน | กระสุนในแม็กกาซีน 30 นัด |
ประเทศผู้ใช้งาน
อัฟกานิสถาน
อาร์เจนตินา
ออสเตรเลีย: ใช้ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษเท่านั้น
บังกลาเทศ: ใช้ในหน่วยคอมมานโดและหน่วยสวาท
บราซิล: ใช้ในนาวิกโยธิน ตำรวจ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
โคลอมเบีย: เอ็ม4 จำนวน 654 กระบอกและเอ็ม4เอ1 จำนวน 674 กระบอกถูกส่งให้กับโคลัมเบียในพ.ศ. 2551 โดยมีมูลค่า 1,534,058.02 ดอลลาร์สหรัฐ
ชิลี :ใช้ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษเท่านั้น
เดนมาร์ก
อียิปต์: ใช้ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษเท่านั้น
ฝรั่งเศส: ใช้โดยหน่วยจีไอจีเอ็นและอาร์เอไอดีเท่านั้น
กรีซ
จอร์เจีย: ใช้ในกองทัพจอร์เจีย
อินเดีย: เอ็ม4 จำนวน 654 กระบอกและเอ็ม4เอ1 จำนวน 674 กระบอกถูกส่งให้กับอินเดียในพ.ศ. 2551 โดยมีมูลค่า 1,534,058.02 ดอลลาร์สหรัฐ
อินโดนีเซีย:
อิรัก
อิสราเอล
อิตาลี: ใช้ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
จาเมกา
ญี่ปุ่น: เอ็ม4 จำนวน 654 กระบอกและเอ็ม4เอ1 จำนวน 674 กระบอกถูกส่งให้กับญี่ปุ่นในพ.ศ. 2551 โดยมีมูลค่า 1,534,058.02 ดอลลาร์สหรัฐ
จอร์แดน
คูเวต
เลบานอน: เอ็ม4 ถูกขายให้กับหน่วยปฏิบัติการพิเศษของเลบานอน
มาเลเซีย
เม็กซิโก
นิวซีแลนด์
ปากีสถาน
เปรู
โปแลนด์: ใช้ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษเท่านั้น
สิงคโปร์
ศรีลังกา: ใช้ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษเท่านั้น
เกาหลีใต้: ใช้ในหน่วยยามชายฝั่งเอสเอสเอทีเท่านั้น
ไทย: ใช้ในหน่วยรบพิเศษและกองกำลังในย่านกรุงเทพฯ และปริมณฑ ในหน่วย swat ตามภูมิภาคต่างๆรวมทั้งนาวิกโยธินและทหาร 3 จว.ชายแดนใต้บางส่วนรวมทั้งเป็นปืน ปลสมาตรฐานใหม่ของทหารพรานอีกด้วย(Norinco cq A)
ตุรกี: ใช้ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษเท่านั้น
สหราชอาณาจักร: ใช้ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษเท่านั้น








