ประวัติปืนลูกซอง ศาสตร์ชั้นสูงแห่งอาวุธปืน


Loading...


ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1939-1945 ระหว่างอเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศสและโซเวียตที่เป็นแกนนำของกลุ่มสัมพันธมิตรที่เปิดศึกทำสงครามอย่างดุเดือดกับฝ่ายอักษะที่มีเยอรมัน, อิตาลีและญี่ปุ่นเป็นแกนนำ ยุทธวิธีการบุกแบบสายฟ้าแล่บของกองทัพนาซีสร้างความเสียหายให้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นอย่างมาก


ยุทธวิธีที่ทหารเยอรมันใช้ได้เป็นผลสำเร็จอย่างงดงามมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็คือ ระดมยิงลูกระเบิดที่ยิงจากปืนเล็กยาวเข้าใส่ฝ่ายอเมริกันอย่างหนัก กดหัวของเอาไว้ไม่ให้ทำการตอบโต้ได้ จากนั้นทหารราบในแนวหน้าก็บุกทะลวงเข้าจู่โจมอย่างชนิดสายฟ้าแล่บ ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะตั้งตัวทัน
นายพลจอห์น เจ.เพิร์ชชิ่งของสหรัฐฯได้ออกสังเกตการณ์ในสนามรบระหว่างการปะทะกันของทหารอเมริกันกับทหารเยอรมันได้สั่งให้กองกำลังส่วนหนึ่งทำการฝึกซ้อมการใช้อาวุธปืนลูกซองให้เกิดความชำนาญ จากนั้นก็ส่งทหารที่เชี่ยวชาญในการใช้ปืนลูกซองเหล่านี้ไปอยู่ในแนวหน้าใกล้กับแนวหน้าของฝ่ายเยอรมัน


ปืนลูกซองที่เข้าประจำการก็คือ วินเชสเต้อร์ โมเดล 1897 แบบปั้ม แอ็คชั่น ขนาด 12 เกจ แม็กกาซีนหลอดบรรจุกระสุน 5 นัด ความยาวลำกล้อง 20 นิ้ว เป็นปืนที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษคือ สามารถยิงได้อย่างต่อเนื่องเพียงแค่เหนี่ยวไกอุบเอาไว้เท่านั้น เมื่อสาวกระโจมมือป้อนกระสุนเข้ารังเพลิงกระสุนนัดนั้นก็จะระเบิดออกไปได้ทันที โดยกำหนดให้ใช้กระสุนแบบบีบี(BB)หรือโอโอ บั๊ค(OO Buck)
ด้วยวิธีเหนี่ยวไกอุบเอาไว้ดังกล่าว จึงทำให้เป็นปืนลูกซองที่ยิงได้รวดเร็วมาก กระสุน 5 นัดที่บรรจุแม็กกาซีนหลอดสามารถยิงออกไปได้ทั้งหมดภายในเวลา 3 วินาทีเท่านั้น อันหมายถึงกระสุนลูกปรายถูกสาดออกไปเป็นม่านกระสุนเป็นจำนวนถึง 45 เม็ด


เมื่อทหารเยอรมันเริ่มใช้ปืนเล็กยาวยิงลูกระเบิดเข้าโจมตี ทหารอเมริกันก็ใช้ปืนลูกซองยิงลูกระเบิดที่ลอยมาในวิธีโค้งให้เกิดการระเบิดกลางอากาศ จะมีลูกระเบิดผ่านตกลงมาถึงพื้นสร้างความเสียหายให้แก่ทหารอเมริกันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น


เยอรมันเปลี่ยนยุทธวิธีโดยการยิงถล่มด้วยปืนครกสนาม กระสุนปืนครกนั้นเป็นการยิงด้วยวิถีโค้งเช่นเดียวกับลูกระเบิดที่ยิงจากปืนเล็กยาว แต่ก็ถูกทหารอเมริกันยิงต่อต้านด้วยกระสุนปืนลูกซอง จนกระสุนปืนครกแตกกลางอากาศอีก ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่อเมริกันได้


เมื่อไม่ได้ผลเยอรมันก็ใช้ยุทธวิธีทุ่มกำลังเข้าบดขยี้ กองกำลังติดอาวุธปืนลูกซองของอเมริกันก็ถอยกลับเข้ามาอยู่ในแนวเดียวกับกองกำลังที่ติดอาวุธปืนไรเฟิ่ลอัตโนมัติและเปิดฉากการยิงด้วยปืนไรเฟิ่ลที่มีอำนาจสังหารและระยะหวังผลในระยะไกล จนเมื่อทหารเยอรมันบุกเข้ามาในระยะ 50 หลาหน่วยปืนลูกซองก็กลับขึ้นไปข้างหน้าตั้งแนวยันรับสามารถหยุดยั้งการบุกทะลวงของทหารเยอรมันอย่างได้ผลดียิ่ง


ตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารเอมริกันใช้ปืนลูกซองในการตั้งยันการบุกทะลวงของทหารเยอรมันมาตลอด ทำให้ยุทธวิธีการบุกแบบสายฟ้าแล่บของเยอรมันประสบความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ประมาณกันว่ามีการใช้กระสุนปืนลูกซองในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 24 ล้านนัด

ตัดตอนมาจาก "ลูกซอง:ศาสตร์ชั้นสูงแห่งอาวุธ" เรียบเรียงโดย วิทยา สุขสมโสตร หนังสือพิเศษของ Guns & Tactics
นายแบบ : ครูกิตติพงพษ์ เหล่าเพิ่มพูนสกุล กับท่าดร็อป