กว่าจะเป็น Beretta ปืนแห่งกองทัพสหรัฐ

Loading...


ก่อนจะมาถึงยุคของ BERETTA  นั้น ปืนพกที่ประจำการในกองทัพสหรัฐ ถึง 75 ปี ย่อมจัดเป็น “ปืนแห่งตำนาน” ได้อย่างเต็มภาคภูมิ นั่นก็คือปืนโคลท์กึ่งอัตโนมัติที่เรียกกันว่า 1911 ตามปี ค.ศ. ที่เริ่มใช้อย่างเป็นทางการ ทหารสหรัฐ ใช้ปืนพกนี้ ผ่านสงครามโลกทั้งสองครั้ง สงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม ก่อนจะปลดประจำการในปี ค.ศ.1985 โดยปืนที่ได้รับการบรรจุเข้าแทน คือ เบเร็ตต้า โมเดล 92F ชื่อรหัส M9 ใช้กระสุนขนาด 9×19 มม. มาตรฐานนาโต้ (9×19 mm. NATO) ซึ่งมีชื่อเรียกทางพาณิชย์ว่า 9 มม.พาราเบลลั่ม (parabellum : ชื่อรหัสโครงการเมื่อครั้งเยอรมนีออกแบบกระสุน) หรือ 9 มม. ลูเกอร์ (Luger, ชื่อวิศวกรคนออกแบบ)


รูปภาพ ปืนในตำนาน โคลท์ 1911 รุ่นเก๋าสุดเจ๋ง ก่อนที่บาเร็ตต้าจะมารับช่วงเข้าประจำการแทน
บริษัทเบเร็ตต้า เริ่มผลิตโมเดล 92 ในปี ค.ศ.1975 เพียงปีเดียวก็ปรับแบบเป็น 92S โดยย้ายคันห้ามไกจากโครงปืนไปอยู่บนลำเลื่อน และย้ายปุ่มปลดซองกระสุนจากส่วนล่างของด้าม ไปอยู่ที่ฐานโกร่งไก และเมื่อยื่นแบบประกวดเพื่อเสนอขายให้กองทัพสหรัฐ มีการพัฒนาอีกครั้งเป็นรุ่น 92F โดยปรับหน้าโกร่งไกเป็นเหลี่ยม ให้นิ้วชี้มือซ้ายช่วยประคองปืนได้เมื่อจับยิงสองมือ ชุบฮาร์ดโครม (hard chrome) ในลำกล้องยืดอายุใช้งาน ชนะประกวดได้ใบสั่งซื้อในปี ค.ศ.1985 จึงตั้งโรงงานผลิตในสหรัฐ ตามข้อตกลงในสัญญา (ก่อนหน้านี้ตั้งโรงงานในประเทศบราซิลด้วยเหตุผลเดียวกัน) และในปีถัดมามีการปรับแบบเป็นรุ่น 92FS โดยเพิ่มแป้นรอบสลักนกสับ เป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ หลังจากพบว่าลำเลื่อนหักเมื่อใช้กระสุนแรงสูงพิเศษ แป้นตัวนี้จะจับส่วนท้ายลำเลื่อนไม่ให้หลุดกระเด็นมาด้านหลัง ในการใช้งานภาคสนามด้วยกระสุนมาตรฐาน ไม่พบรายงานลำเลื่อนหักเหมือนในการทดสอบนี้


รูปภาพ ปืนบาเร็ตต้า รุ่นที่มารับช่วงเข้าประจำการหน่วยงานตำรวจและทหารแทนรุ่นพี่อย่าง 1911
จะด้วยศักดิ์ศรีหรือเหตุใดก็ตาม เบเร็ตต้าไม่ใช้ระบบการทำงานแบบลำกล้องกระดกออกแบบโดย จอห์น เบรานิง ที่ผู้ผลิตทั่วโลกนิยมใช้กันเป็นส่วนมาก การทำงานของเบเร็ตต้า 92 ใช้แท่งกระดกใต้ลำกล้อง มีปีกขัดกลอนที่ช่องสองข้างลำเลื่อน ซึ่งเป็นระบบของวอลเธอร์ พี.38 เดิม ข้อดีคือลำกล้องถอยหลังเดินหน้าในแนวตรง ท้ายลำกล้องอยู่ระดับเดิมตลอดเวลา เบเร็ตต้าออกแบบซองกระสุนรับกับระบบการทำงานนี้ โดยกำหนดตำแหน่งกระสุนนัดบนสุดไว้สูงตรงกับช่องรังเพลิง ซึ่งอาจมีส่วนช่วยด้านความแน่นอนในการทำงานป้อนกระสุน และเมื่อประกอบกับลำเลื่อนที่เปิดสันด้านบน เหมือนเป็นช่องคายปลอกขนาดใหญ่ ทำให้เบเร็ตต้า 92 ได้ชื่อว่าเป็นปืนที่ไว้ใจได้สูงสุดกระบอกหนึ่ง กล่าวได้ว่าไม่มีโอกาสปืนขัดข้องแบบ “คาบปลอก” เลย


รูปภาพ ปืนบาเร็ตต้า ที่พร้อมสำหรับทุกภาระกิจการใช้งาน ตามความเหมาะสมกับสถานะการที่หลากหลาย
นอกจากสหรัฐที่ใช้ปืนรุ่นนี้ ทั้งในสงครามอ่าวเปอร์เซียและอัฟกานิสถานแล้ว ยังมีหน่วยงานทหารตำรวจในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก สั่งซื้อเบเร็ตต้า 92 ไว้ใช้อย่างเป็นทางการ นับเป็นปืนทหารที่ได้รับความนิยมสูงมากรุ่นหนึ่ง และในทางพาณิชย์ โรงงานผลิตแบบแยกย่อยออกไปตามความต้องการของตลาด เช่น 92G สำหรับรุ่นที่ใช้คันลดนก, 92D และ DSสำหรับไกดับเบิลล้วน มีรุ่นคอมแพ็ค และรุ่นพิเศษ เช่น เซนทูเรียน (Centurion), เวอร์เท็กซ์ (Vertex), บริกาเดียร์ (Brigadier) และเอลีท (Elite) เป็นต้น ล่าสุดเป็นรุ่น 92A1 ที่เพิ่มรางรับอุปกรณ์ช่วยเล็งไว้ที่โครงด้านหน้าใต้ลำกล้อง ออกขายในปี ค.ศ. 2010 หรือถ้าต้องการกระสุนขนาดหน้าตัดใหญ่ ก็มีรุ่น 96 ขนาด .40 ให้เลือกได้

ข้อบ่งใช้ของเบเร็ตต้า 92 คือปืนติดตัวเจ้าหน้าที่แบบพกซองนอก หรือประชาชนใช้เป็นปืนเฝ้าบ้าน จุดเด่นคือการทำงานที่ไว้ใจได้เต็มที่ น้ำหนักตัวเบากว่าปืนเหล็กล้วน พกทั้งวันสบายเอวกว่า อาจจะมีจุดด้อยคือไกแข็งกว่าปืนลักษณะเดียวกันอยู่บ้าง และด้ามค่อนข้างหนา ถ้ามือเล็กจะจับไม่ถนัด จุดนี้แก้ไขได้โดยใช้ประกับด้ามที่บางกว่าของเดิมจากโรงงาน



ข้อดี

1. ไม่มีปัญหาเรื่องสลัดปลอกเลย หรือจะมีก็น้อยมากๆ ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและการสึกหรอ

2. ระบบความปลอดภัย ดีเยี่ยม

3. เมื่อลดนกสุดจะเข้าเซฟโดยอัตโนมัติ

4. ถอดง่าย ประกอบง่าย = ดูแลง่าย

5. น้ำหนักไม่หนักมากนัก

6. รูปทรงสวยงาม

7. ทนทานเหมาะสำหรับการใช้งานและง่ายต่อการดูแลรักษา

ข้อเสีย

1. ด้ามอวบใหญ่มากไปหน่อย ไม่เหมาะกับผู้หญิงหรือผู้ที่มือเล็ก

2. ไกดับเบิ้ลลากยาวและลึกเกินไป

3. น้ำหนักการเหนี่ยวไกค่อนข้างหนักเมื่อเทียบกับปืนรุ่นอื่นๆที่ใกล้เคียงกัน

4. การขึ้นลำอย่างรวดเร็วไม่ค่อยสะดวก


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : metalbridges